ทุนการศึกษา มูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย ประจำปี 2565 มอบแก่นักเรียน นักศึกษา ใน 4 ภูมิภาค ทั่วประเทศไทย หวังสานต่อความฝัน แบ่งปันโอกาส เพื่อสังคมไทยยั่งยืน

ทุนการศึกษา มูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย ประจำปี 2565 มอบแก่นักเรียน นักศึกษา ใน 4 ภูมิภาค ทั่วประเทศไทย หวังสานต่อความฝัน แบ่งปันโอกาส เพื่อสังคมไทยยั่งยืน

มูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย มอบทุนการศึกษา ประจำปี 2565 แก่นักเรียน นักศึกษา ใน 4 ภูมิภาค ทั่วประเทศไทย สานต่อความฝัน แบ่งปันโอกาส เพื่อสังคมไทยยั่งยืน
     มูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย มอบทุนการศึกษาประจำปี 2565 แก่นักเรียน นักศึกษา ใน 4 ภูมิภาค ทั่วประเทศไทย รวมทั้งสิ้นจำนวน 878 ทุน มูลค่ากว่า 9.8 ล้านบาท มุ่งหวังสร้างโอกาสทางการศึกษา สานต่อความฝัน ให้แก่เยาวชนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ให้มีโอกาสได้เข้าศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น เสริมสร้างโอกาสและความมั่นคงทางการศึกษา เพื่อเติมเต็มคุณภาพชีวิตและสร้างประโยชน์ให้แก่สังคม เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป
มูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2535 ตลอดระยะเวลา 31 ปี ได้ดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมมาอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นในการส่งเสริมสังคมอย่างยั่งยืนผ่าน 3 แนวทาง ดังนี้

ส่งเสริมการศึกษาแก่เด็กและเยาวชนที่อยู่ห่างไกล รวมถึงสนับสนุนการศึกษาทางด้านประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม และความเข้าใจเกี่ยวกับประเทศเพื่อนบ้าน
 
พัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็ก เยาวชน และคนพิการ รวมถึงส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม 

ส่งเสริมการดำเนินการขององค์กรสาธารณกุศลต่างๆ เพื่อสาธารณประโยชน์

     พิธีมอบทุนการศึกษาในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษา รวมถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเยาวชน ให้เติบโตเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพ อันจะเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศ ซึ่งมูลนิธิฯ ได้ดำเนินกิจกรรมมอบทุนการศึกษาแก่เยาวชนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ทั่วประเทศ อย่างต่อเนื่องมากว่า 30 ปี รวมทั้งสิ้น 18,414 ทุน รวมเป็นมูลค่า 178,000,000 บาท โดยในปี 2565 มูลนิธิฯ ได้สนับสนุนทุนการศึกษา ตามรายละเอียดดังนี้ 

     สนับสนุนทุนการศึกษา 4 ภาค
ภาคเหนือ : มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จำนวน 295 ทุน  มูลค่า 2.5 ล้านบาท
- โครงการเยาวชนไทยวันพรุ่งนี้
- โครงการทุนการศึกษาเยาวชนภาคเหนือ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : มหาวิทยาลัยขอนแก่น จำนวน 159 ทุน มูลค่า 3 ล้านบาท
- ทุนการศึกษานักเรียน นักศึกษาขาดแคลนทุนทรัพย์ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
- ทุนการศึกษานักเรียนพยาบาล 
ภาคตะวันออก : มหาวิทยาลัยบูรพา จำนวน  44 ทุน   มูลค่า 0.88 ล้านบาท
- ทุนการศึกษานิสิตขาดแคลนทุนทรัพย์ ในภาคตะวันออก
ภาคใต้ : มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต จำนวน 120 ทุน  มูลค่า 1 ล้านบาท  
- ทุนการศึกษานักศึกษาขาดแคลนทุนทรัพย์ ในภาคใต้

สนับสนุนคุณภาพชีวิตของเยาวชนที่ขาดแคลน
มูลนิธิ พล.ต.อ.เภา สารสิน จำนวน 188 ทุน  มูลค่า 1.5 ล้านบาท 
มูลนิธิหมอเสม พริ้งพวงแก้ว  จำนวน 72 ทุน   มูลค่า 1   ล้านบาท

     นอกจากนี้ ในวาระครบรอบ 30 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย ยังคงสานต่อเจตนารมณ์ เพื่อสร้างโอกาสและยกระดับคุณภาพชีวิตของเด็กไทย โดยมูลนิธิฯ มีแผนที่จะขยายการดำเนินกิจกรรมสนับสนุนทุนการศึกษาให้แก่เยาวชนผู้ด้อยโอกาสในทุกระดับชั้น รวมถึงจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมในการส่งเสริมฝีมือแรงงาน ด้วยเล็งเห็นถึงความสำคัญของการศึกษาด้านวิชาชีพ ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นหนึ่งในกลไกที่ขับเคลื่อนภาคธุรกิจมากขึ้น รวมไปถึงปัญหาด้านความขาดแคลนบุคลากรด้านสาธารณสุข มูลนิธิฯ จึงได้เพิ่มการสนับสนุนทุนด้านอาชีวศึกษา และทุนนักเรียนพยาบาล เพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนได้ศึกษาหาความรู้ตามสิ่งที่ตนเองถนัดและสนใจ รวมถึงช่วยสร้างบุคลากรเฉพาะทางในสายอาชีพต่าง ๆ ที่ภาคธุรกิจยังคง ขาดแคลน นอกจากนี้ มูลนิธิฯ ยังตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาด้านการขาดแคลนโภชนาการที่ดีของเด็กในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้เกิดภาวะทุพโภชนาการในเด็ก จากการได้รับสารอาหารที่ไม่ครบถ้วน หรือมีปริมาณที่ไม่เหมาะกับความต้องการของร่างกาย มูลนิธิฯ จึงสนับสนุนให้มีโครงการอาหารกลางวันในโรงเรียนและชุมชนที่อยู่ห่างไกล เพื่อให้เด็กในวัยเรียนได้รับประทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วนตามหลักโภชนาการ 
     มูลนิธิฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการสนับสนุนให้เยาวชนได้รับโอกาสทางการศึกษาอย่างเหมาะสมและเท่าเทียมกัน รวมถึงการมอบโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิตแก่เด็ก ผ่านโครงการที่ทางมูลนิธิฯ ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องนี้ จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยให้เด็กและเยาวชนได้เติบโต มีความพร้อมทั้งร่างกาย และจิตใจ ซึ่งถือเป็นฟันเฟืองที่สำคัญในการพัฒนาประเทศ อันจะนำไปสู่การยกระดับความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ รวมถึงช่วยขับเคลื่อนสังคมไทยให้เข้าใกล้เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals) ต่อไปในอนาคต ดังคำกล่าวที่ว่า การแบ่งปันที่ไม่สิ้นสุด สู่การขับเคลื่อนความสุขอย่างยั่งยืน

     “โตโยต้า ร่วมขับเคลื่อนอนาคต”
Read More
หมอและนักวิชาการ เตือน! กระแสเครื่องดื่มแนวใหม่ อินเทรนด์แต่ทำลายสุขภาพโดยไม่รู้ตัว เช็คด่วน! น้ำตาล โซเดียมสูงเกิน

หมอและนักวิชาการ เตือน! กระแสเครื่องดื่มแนวใหม่ อินเทรนด์แต่ทำลายสุขภาพโดยไม่รู้ตัว เช็คด่วน! น้ำตาล โซเดียมสูงเกิน

แพทย์และนักวิชาการห่วงกระแสเครื่องดื่มแนวใหม่ อินเทรนด์แต่ทำลายสุขภาพโดยไม่รู้ตัว เช็คด่วน! น้ำตาล โซเดียมสูงเกิน

แพทย์และนักวิชาการห่วงกระแสเครื่องดื่มแนวใหม่ อิ๊วโซดา โคล่าเติมเกลือ กาแฟเติมเกลือ ถึงแม้จะอินเทรนด์แต่ทำลายสุขภาพโดยไม่รู้ตัว เผยเครื่องดื่มเทรนด์ใหม่ ๆ ที่เป็นกระแสในโซเชียล ไม่ควรบริโภคเค็มเกินความพอดี

รศ.นพ.สุรศักดิ์ กันตชูเวสศิริ ประธานเครือข่ายลดบริโภคเค็มกล่าวว่า เครื่องดื่มเทรนด์ใหม่ ๆ ที่เป็นกระแสในโซเชียลมีเดียในขณะนี้ อย่างเช่น อิ๊วโซดา โคล่าเติมเกลือ กาแฟเติมเกลือ ซึ่งเครื่องดื่มเหล่านี้มีโซเดียมสูงตั้งแต่ 200-600 มิลลิกรัมต่อแก้วทีเดียว คิดเป็น 10-30% ของความต้องการโซเดียมต่อวันของผู้บริโภค ซึ่งปัจจุบันคนไทยก็กินเกลือโซเดียมสูงเกินความต้องการของร่างกายเกือบ 200% จากการรับประทานอาหารในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว และนำไปสู่โรคความดันโลหิตสูง โรคไต โรคหัวใจ และอัมพาต มากกว่า 20 ล้านคนในไทย นอกจากนี้เครื่องดื่มเหล่านี้มักมีน้ำตาลสูง ยังนำไปสู่โรคอ้วน เบาหวาน ดังนั้นการดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้เป็นประจำ ย่อมมีผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว โดยเฉพาะเด็ก และวัยรุ่น ซึ่งถ้ากินหวาน กินเค็มแต่เด็ก จะทำให้เกิดความเคยชิน ต้องกินอาหารหรือเครื่องดื่มรสจัดเหล่านี้ ติดจนเป็นผู้ใหญ่ที่เป็นโรคร้าย ขาดกำลังสำคัญของสังคมประเทศชาติ ด้วยเหตุนี้จึงไม่ควรสร้างกระแสการดื่มเครื่องดื่มที่เติมเกลือในประชาชน วัยรุ่น วัยทำงาน ที่เป็นต้นเหตุการเจ็บป่วยในอนาคต อยากให้ทุกคนทั้งผู้ผลิต สื่อต่างๆ รวมทั้งผู้บริโภคช่วยกันสร้างความนิยมในอาหารและเครื่องดื่มสุขภาพมากกว่ารสชาติ

ด้าน ดร.ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์ นักวิชาการด้านอาหาร วิทยาลัยเทคโนโลยีธุรกิจการอาหารไทยและนานาชาติ กล่าวว่า กระแสโซเชียลในตอนนี้เกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้ มีกระแสนิยมรับประทานเค็มใส่เกลือแบบแปลก ๆ แม้กระทั่งการชงกาแฟ ก็ยังใส่เกลือ บางคนบอกว่าเมื่อใส่เกลือไปแล้ว จะมีรสชาติหวานๆ มัน ๆ ซึ่งมันก็ใช่เพราะว่าหากมีความเค็มของเกลือ ก็ต้องเติมน้ำตาลเพิ่มเข้าไปอีก คราวนี้กาแฟของคุณก็จะมีรสชาติทั้งเค็มทั้งหวาน หรือทอดไก่ก็ต้องโรยเกลือ ทำขนมปังรับประทานก็ต้องใส่ดอกเกลือ กระทั่งซีอิ๊ว ซึ่งเป็นซอสปรุงรสก็ยังนำมาทำเป็นเครื่องดื่ม เพิ่มความเค็มทั้งนั้นเลยนะ ต้องบอกเลยว่าทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการ ควรต้องใส่ใจอย่ากินเค็มมากเกินไปจะเป็นโทษอันตรายถึงกับชีวิต มันคุ้มมั้ย ทั้ง ๆ ที่ การปรับรสชาติอาหาร สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยหลากหลายวิธีที่ปลอดภัย น่าจะทำให้เข้าถึงคนได้มากขึ้น และคนเข้าใจมากขึ้น ว่า ทำไมเค้าถึงเติมเกลือในเครื่องดื่ม ซึ่งเพิ่มอันตรายมากกว่า

Read More
ม.ภาคฯ จ.ขอนแก่น ผนึกมหาวิทยาลัยไทย-ต่างประเทศ รวมพลังนักคิด -นักพัฒนา เปิดเวทีแลกเปลี่ยนความรู้ งานวิชาการและการนำเสนอผลงานวิจัยระดับชาติ ครั้งที่ 10 และระดับนานาชาติ ครั้งที่ 8 NEUNIC 2023

ม.ภาคฯ จ.ขอนแก่น ผนึกมหาวิทยาลัยไทย-ต่างประเทศ รวมพลังนักคิด -นักพัฒนา เปิดเวทีแลกเปลี่ยนความรู้ งานวิชาการและการนำเสนอผลงานวิจัยระดับชาติ ครั้งที่ 10 และระดับนานาชาติ ครั้งที่ 8 NEUNIC 2023

ม.ภาคฯ จ.ขอนแก่น จับมือร่วมมหาวิทยาลัยไทย-ต่างประเทศ รวมพลังนักคิด -นักพัฒนา เปิดเวทีแลกเปลี่ยนความรู้ งานวิชาการและการนำเสนอผลงานวิจัยระดับชาติ ครั้งที่ 10 และระดับนานาชาติ ครั้งที่ 8 NEUNIC 2023

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 พฤษภาคม 2566 เวลา 08.00 17.00 น. มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดขอนแก่น จัดการประชุมวิชาการและนำเสนอผลงานวิจัย ระดับชาติ ครั้งที่ 9 และระดับนานาชาติ ครั้งที่ 10  NEUNIC 2023  ในหัวข้อเรื่อง “การพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อพัฒนาชุมชนที่ยั่งยืน” (The 10th  National and the 8th  International Conference on Research and Innovation : Research and Innovation Development for Developing Sustainable Communities) เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้ที่เกิดจากผลงานวิจัย นำเสนอผลงาน การวิจัยและแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ด้านการวิจัยของคณาจารย์ นักวิจัย และนิสิต นักศึกษาในระดับชาติ 

ผศ.ดร.กนกอร บุญมี อธิการดีมหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร่วมกับ มหาวิทยาลัยภายในประเทศไทยและต่างประเทศ ได้กำหนดจัดการประชุมวิชาการและการนำเสนอผลงานวิจัยระดับชาติ ครั้งที่ 10 และระดับนานาชาติ ครั้งที่ 8 ภายใต้หัวข้อหัวข้อ “การพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อพัฒนาชุมชนที่ยั่งยืน โดยใช้รูปแบบการนำเสนอผลงานแบบออนไลน์ ซึ่งได้รับเกียรติจากผู้บริหารจากกระทรวงการอุดมศึกษา วิจัย และนวัตรกรรม รวมไปถึงคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ จากมหาวิทยาลัยชั้นนำในประเทศไทยและต่างประเทศได้มาร่วมแลกเปลี่ยนและร่วมนำเสนอผลงาน ผ่านการประชุมแบบออนไลน์  อันเนื่องมาจาก สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงต่างๆรอบโลกที่เกิดขึ้น หลังวิกฤติโควิด-19 ที่มีผลให้สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง ทำให้ชุมชน สังคมทุกพื้นที่เกิดวิถีชีวิตปกติใหม่ ไม่ว่าจะเป็นด้านพฤติกรรม การศึกษา การสื่อสาร ดังนั้นจึงเป็นภารกิจร่วมกันของเราทุกคนที่เตรียมพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง และนำพาสังคมของเราให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงนี้ และเตรียมผู้นำรุ่นใหม่ ที่เต็มเปี่ยมด้วยประสบการณ์ที่จะได้รับจากผลงานวิจัย งานวิจัยและนวัตกรรมที่รุ่นเราได้พัฒนาขึ้นมา เพื่อนำพาไปสู่ “การพัฒนาชุมชน สังคม อย่างยั่งยืน” 

“มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้ร่วมมือกับสถาบันเจ้าภาพร่วม ให้มีการจัดประชุมวิชาการและนำเสนอผลงานวิจัยระดับชาติและนานาชาติ การจัดประชุมวิชาการครั้งนี้ เป็นการรวมพลังนักคิด นักพัฒนา รวมผลงานที่มีคุณค่าต่อการพัฒนาสังคม จากผลงานในการประชุมวิชาการครั้งที่ 1 -9 ที่จัดขึ้น ทั้งหมด 2,350 เรื่อง และรวมครั้งนี้จะเห็นได้ว่านักคิด นักพัฒนา นักวิจัยรุ่นเราได้สร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ ไว้หลายอย่างที่จะส่งต่อให้ผู้นำรุ่นใหม่นำไปใช้ในการเตรียมพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในชุมชน สังคมได้เป็นอย่างดี  โดยลักษณะของงานวิจัยที่นำเสนอ แยกเป็นผลงานวิจัยของคณาอาจารย์ นักวิชาการ นักวิจัย และผู้ที่สนใจทั้งในและต่างประเทศ,ผลงานวิทยานิพนธ์ / การศึกษาค้นคว้าอิสระ ระดับปริญญาโท – ปริญญาเอก ของนักศึกษาระดับและบัณฑิตศึกษาสถาบันอุดมศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชน ทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้ง มีช่องทางการเผยแพร่ในรูปแบบ Metaverse Conference เพื่อให้สอดคล้องกับยุคและวิถีดิจิทัลด้วย”

ขณะเดียวกันยังคงมีการแบ่งกลุ่ม งานวิจัยและวิทยานิพนธ์/สารนิพนธ์/การศึกษาค้นคว้าอิสระ ทั้งระดับชาติ และนานาชาติ ได้แบ่งเป็น 6 กลุ่มประกอบด้วย ด้านการศึกษา  (ED)  เช่น  การบริหารการศึกษา  การพัฒนาหลักสูตรและการสอน  การวัดและการประเมินผลการศึกษาและนวัตกรรมทางการศึกษา ด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ  (HS)  เช่น  พยาบาลศาสตร์  แพทย์ศาสตร์  สาธารณสุขศาสตร์  เภสัชศาสตร์  และเทคนิคการแพทย์ ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ST) เช่น วิทยาศาสตร์  วิศวกรรมศาสตร์ และคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี ด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ (HSS) เช่น  นิติศาสตร์ ศิลปศาสตร์ รัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ และนิเทศศาสตร์ ด้านบริหารธุรกิจและเศรษฐศาสตร์  (BE)  เช่น  บริหารธุรกิจ  การจัดการท่องเที่ยว โรงแรม และเศรษฐศาสตร์ ด้านการเกษตรและการประมง (AF) โดยมีสถาบันเจ้าภาพร่วมจัดประชุมฯ จำนวน 32 สถาบันทั้งในและต่างประเทศ และมีผู้ส่งบทความที่ผ่านการประเมินจากผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 105 บทความ ดร.ธีนิดา บัณฑรวรรณ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ กล่าวรายงาน

Read More
ส่ง 17 นักเบ่งกล้ามชิงแชมป์เซาท์อีสเอเชีย 2023

ส่ง 17 นักเบ่งกล้ามชิงแชมป์เซาท์อีสเอเชีย 2023

ส่ง 17 นักเบ่งกล้ามล่าแชมป์เซาท์อีสเอเชีย 2023
     17 นักเบ่งกล้ามไทยพร้อมไล่ล่าแชมป์ ในการแข่งขันเพาะกายและฟิสิคสปอร์ต แชมเปี้ยนชิพ เซาท์อีสเอเชีย ครั้งที่ 17 ที่เมืองบาตัม อินโดนีเซีย ที่จัดทดแทนซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่กัมพูชา เจ้าภาพยกเลิกการจัดการแข่งขัน
     นายศุกรีย์ สุภาวรีกุล นายกสมาคมกีฬาเพาะกายและฟิตเนสแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในปีนี้ ทางสมาคมฯ มีโปรแกรมที่จะส่งนักกึฬาเข้าร่วมการแข่งขัน 3 รายการ ได้แก่ ชิงชนะเลิศแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ วันที่ 8-12 มิ.ย.ที่เมืองบาตั้ม ประเทศอินโดนีเซีย ต่อด้วยชิงแชมป์เอเชีย วันที่ 1-7 ก.ย.ที่เนปาล และชิงแชมป์โลก วันที่ 6-12 พ.ย.ที่เกาหลีใต้ 
    สำหรับรายการแรก ได้แก่ การแข่งขันเพาะกายและฟิสิคสปอร์ต แชมเปี้ยนชิพ เซาท์อีสเอเชีย ครั้งที่ 17 ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ วันที่ 8 - 12 มิถุนายน 2566 ที่ เมืองบาตัม สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นรายการที่ทางสหพันธ์กีฬาเพาะกายและฟิตเนสโลก (WBPF) จัดขึ้นเพื่อทดแทนการแข่งขันกีฬาเพาะกายในมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ซึ่งประเทศกัมพูชาเจ้าภาพซีเกมส์ครั้งที่ผ่านมาได้ยกเลิกการจัดแข่งขันเนื่องจากไม่มีนักกีฬาที่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้
    การแข่งขันรายการนี้ทางสมาคมกีฬาเพาะกายและฟิตเนสแห่งประเทศไทย ได้เปิดให้มีการคัดตัวและได้ตัวแทนเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 17 คน แบ่งเป็น ชาย 12 คน หญิง 5 คน ประกอบด้วย 1.นายเกษม รัตนพร เพาะกายชายรุ่น 55 กก. 2. นายเอกรัตน์  ศรีโสภา เพาะกายชายรุ่น60 กก. 3. นายก้องทิตย์ วรเจริญธรกุล เพาะกายชายรุ่น 70 กก. 4. นายอรรคเดช  ปลีนารัมย์  เพาะกายชายรุ่น 75 กก. 5. นายไพรัช พะเนาว์ศรี เพาะกายชายรุ่น 80 กก. 6. นายนันธวัฒน์ ศรีบุรีรักษ์ เพาะกายชาย รุ่นเกิน 80 กก. 7.นายนำพล ตะวังทัน แอธเลติคฟิสิค ชาย รุ่นความสูง 160 ซม. 8. นายเดชณรงค์ ประเทศ แอธเลติคฟิสิค ชาย รุ่นความสูง 167 ซม. 9.นายกองพล ทองสุข แอธเลติคฟิสิค ชาย รุ่นความสูง 182 ซม.10. นายณัฐนันท์ พรหมภูวงศ์ สปอร์ตฟิสิค ชาย รุ่นความสูง 170 ซม. 11. นายทศพล ชื่นชม  สปอร์ตฟิสิค ชาย รุ่นความสูง 175 ซม. 12. นายเจษฏา  อรุณวิจิตร สปอร์ตฟิสิค ชาย รุ่นความสูงเกิน 175 ซม 13. นางสาวจุฑามาส ปัตถา แอธเลติคฟิสิค หญิงรุ่นความสูง 160 ซม. 14.นางสาวขวัญฤดี คงเทพ แอธเลติคฟิสิค หญิงรุ่นความสูงไม่เกิน 160 ซม. 15. นางสาวพิมภัสสร ศิรินภาเกียรติ์ แอธเลติคฟิสิค หญิงรุ่นความสูงเกิน 160 ซม. 16. นางสาวดลพร แทนบุญไพรัช  โมเดลฟิสิค หญิง รุ่นความสูงไม่เกิน 165 ซม. 17. นางสาววดีฑารัศมิ์ ทูลธรรม โมเดลฟิสิค หญิง รุ่นความสูงเกิน 165 ซม. 
   สำหรับเป้าหมายในการแข่งขันครั้งนี้ทางสมาคมฯ ได้ตั้งเป้าหมายเอาไว้ที่ 7 เหรียญทอง จากนักกีฬาทั้งหมด 17 คน จากประเภทเพาะกาย, แอธเลติคฟิสิค, สปอร์ตฟิสิค, โมเดลฟิสิค ทั้งนี้คณะนักกีฬาและทีมผู้ฝึกสอนจะออกเดินทางไปร่วมการแข่งขันในวันที่ 8 มิ.ย.และจะทำการแข่งขันในวันที่ 10 และวันที่ 11 มิ.ย.2 วัน โดยจะเดินทางกลับประเทศไทย ในวันที่ 12 มิ.ย.2566
Read More
สแกนเนีย รุกตลาดรถบรรทุก ด้วยรุ่นใหม่ โมเดล 2023 พร้อมกลยุทธ์ “แชมป์เปียนโรดโชว์” เคาะประตูธุรกิจขนส่ง ด้วยเงื่อนไขสุดพิเศษ

สแกนเนีย รุกตลาดรถบรรทุก ด้วยรุ่นใหม่ โมเดล 2023 พร้อมกลยุทธ์ “แชมป์เปียนโรดโชว์” เคาะประตูธุรกิจขนส่ง ด้วยเงื่อนไขสุดพิเศษ

สแกนเนีย รุกตลาดรถบรรทุก ด้วยรุ่นใหม่ โมเดล 2023 พร้อมกลยุทธ์ “แชมป์เปียนโรดโชว์” เคาะประตูธุรกิจขนส่ง ด้วยเงื่อนไขสุดพิเศษ

สแกนเนียเผยยอดขายปี 2022 อย่างเป็นทางการ พร้อมรุกตลาดด้วยรถบรรทุกสแกนเนียรุ่นใหม่โมเดลปี 2023 จำนวน 8 รุ่นมาตรฐาน ตอบโจทย์รูปแบบการขนส่งในประเทศ ตั้งเป้ายอดขายในไทย 400 คัน นำกลยุทธ์ “แชมป์เปียนโรดโชว์” จัดทัพรถสแกนเนียออกไปพบปะลูกค้าทั่วทุกภาคของประเทศไทย เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึง และเป็นเจ้าของได้ง่าย แถมจัดโปรโมชั่นดาวน์ 0 % พร้อมของแถม และส่วนลดกว่า 100,000 บาท

นางสาวดวงใจ พงศ์ประเทืองสุข ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการงานขาย บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด เปิดเผยว่า ยอดขายรถสแกนเนียในปี 2022 ที่ผ่านมา ประกอบด้วยรถบรรทุก จำนวน 259 คัน และรถบัสโดยสาร จำนวน 19 คัน โดยปีที่แล้วเรารับผลกระทบจากสงครามยูเครน - รัสเซีย ซึ่งทุกแบรนด์ต่างได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ต้นปี 2023 จนถึงปัจจุบัน ทางสแกนเนียมียอดรถบรรทุกที่จดทะเบียนไปแล้วทั้งหมด 122 คัน โดยเป็นรถบรรทุกโมเดลของปี 2022 ทั้งหมด ส่วนรถบรรทุกของปี 2023 นั้นได้เริ่มทยอยขายไปแล้วเช่นกัน 

ในปี 2023 เราตั้งเป้าหมายยอดขายรถบรรทุกไว้จำนวน 400 คัน แต่จะมีรถที่อยู่ในช่วงรอยต่อของโมเดล 2022 ในสต๊อคส่งมอบไปแล้วจำนวน 95 คัน เหลือรอส่งมอบอีก 15 คัน หลังจากนี้ก็จะเป็นโมเดลใหม่รุ่น 2023 ทั้งหมดประมาณ 300 คัน ซึ่งรวมทั้งปีจะมีรถบรรทุกจำนวน 400 คันตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยในปีนี้มีเพิ่มรุ่นมาตรฐานอีก 1 รุ่น ซึ่งเป็นรุ่นที่ 8 สำหรับธุรกิจงานก่อสร้างหรือบ่อดิน ซึ่งต้องการความสูงของรถที่มากขึ้น และอุปกรณ์เสริมพิเศษเพื่อให้เหมาะกับรูปแบบการใช้งานมากที่สุด”

สำหรับรถรุ่นใหม่ โมเดล 2023 นางสาวดวงใจ เปิดเผยว่า มีความยืดหยุ่นในการปรับแต่งมากขึ้น มีการตอบโจทย์การขนส่งที่หลากหลาย พร้อมความสะดวกสบาย และระบบความปลอดภัยมาตรฐาน 

             

“เริ่มจากเกียร์ใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น การเปลี่ยนเกียร์มีความต่อเนื่องดีขึ้น ฉลาดขึ้น พร้อมน้ำหนักที่เบาลงถึง 75 กิโลกรัม ทำให้ประหยัดน้ำมันดีขึ้น นอกจากนี้ยังเพิ่มการ์ดป้องกันด้านข้างที่มาพร้อมกับถังน้ำมันใหม่ที่ให้คุณเดินทางไปได้ไกลกว่า เพราะใช้น้ำมันเชื้อเพลิงจากในถังได้ดียิ่งขึ้น ส่วนองค์ประกอบอื่นๆ เช่น หน้าจอดิจิทัลขนาด 7 นิ้ว สวิตซ์ตัดแบตเตอรี่ภายนอก และภายใน ไฟหน้าท้าย LED เต็มรูปแบบ และระบบความปลอดภัยจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นหัวเก๋งนิรภัยมาตรฐานสูงสุดของโลกจากยุโรป ระบบควบคุมเบรคด้วยไฟฟ้า ระบบควบคุมการทรงตัว ระบบควบคุมการลื่นไถล และเบรคเสริมสำหรับลงเขาลาดชันรีทาร์เดอร์เอกสิทธิ์สแกนเนีย” 

โดยในปีนี้ นางสาวดวงใจ บอกว่า ทางสแกนเนียได้มีการวางแผนการตลาด โดยจัดกิจกรรมโรดโชว์ที่ใช้ชื่อว่า “แชมป์เปียนโรดโชว์” เป็นการนำรถบรรทุกสแกนเนียโมเดล 2023 เดินทางไปพบปะลูกค้าถึงสถานประกอบการทุกภูมิภาคทั่วประเทศไทย เพื่อให้ลูกค้าได้เข้าถึง และเป็นเจ้าของรถสแกนเนียได้ง่ายขึ้น โดยจะมีโปรโมชั่นต่างๆ ที่น่าสนใจไปนำเสนอให้กับลูกค้ามากมาย เริ่มที่ภาคตะวันออกเป็นภูมิภาคแรก

                   “สแกนเนียปี 2023 ด้วยเราเป็นแชมป์เปียนรถยุโรปอันดับ 1 อยู่แล้ว จึงได้มีการวางแผนการตลาดโดยใช้กิจกรรมโรดโชว์หรือที่เราใช้ชื่อว่า “แชมป์เปียนโรดโชว์” จะเป็นคาราวานนำรถบรรทุกสแกนเนีย 2023 ออกเดินทางไปพบปะลูกค้าทุกภูมิภาคทั่วประเทศไทย เราตั้งเป้าหมายพบปะลูกค้ากว่า 300 รายตลอดระยะเวลา 3 เดือนกว่าของการทำกิจกรรม โดยจะเริ่มตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป จุดแรกเราจะจัดที่ภาคตะวันออก เริ่มจากจังหวัดฉะเชิงเทรา สระแก้ว ปราจีนบุรี และจันทบุรี เพื่อนำรถของเราไปให้ผู้ประกอบการ และลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้สัมผัสรถสแกนเนียถึงหน้าประตูบ้าน ว่าเป็นรถที่คุณภาพสูง ประหยัดน้ำมัน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ราคาไม่แพงอย่างที่คิด คุ้มค่าการลงทุน สามารถช่วยเพิ่มรายได้ให้กับธุรกิจของลูกค้า พร้อมโปรโมชันจัดหนัก ให้คุณเป็นเจ้าของสแกนเนียได้ง่ายขึ้น” 

           ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการงานขาย บริษัท สแกนเนีย สยาม กล่าวต่อว่า การจัดกิจกรรมโรดโชว์ในครั้งนี้จะมีการนำโปรโมชั่นพิเศษมากมาย เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า เช่น ส่วนลด และของแถมมูลค่ากว่า 100,000 บาท เงินดาวน์ เริ่มต้นที่ 0% ขับฟรี 90 วัน ระยะผ่อนชำระ 6 ปี หรือ 72 เดือน หรือปรับรูปแบบแพคเกจให้ตรงกับรูปแบบของลูกค้าได้ พร้อมสัญญาซ่อมบำรุง 5 ปี ส่วนลดอะไหล่ 40% สูงสุด 60,000 บาท และคูปองตรวจสภาพรถฟรี นอกจากนี้จะมีเรื่องโปรแกรมการฝึกสอนขับรถสแกนเนีย (Scania Driver Training) ซึ่งจะเป็นประโยชน์มากต่อธุรกิจของผู้ประกอบการ ทั้งในเรื่องของการประหยัดน้ำมัน การลดอันตรายจากอุบัติเหตุ และการทำเวลาในการขนส่งได้มากขึ้น ทำให้เพิ่มผลกำไรให้ธุรกิจเพิ่มมากขึ้น สามารถสร้างประสิทธิภาพในการใช้งานรถสแกนเนียให้ลูกค้าพึงพอใจ ซึ่งจะส่งผลต่อธุรกิจของลูกค้าโดยตรง พร้อมสร้างความยั่งยืนให้ธุรกิจขนส่ง และตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า 

โดยสนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมรับชมได้ที่ https://www.scania.com/th/th/home/campaigns/scania-champion.html

///////////////////////////

Scania เป็นผู้ให้บริการชั้นนำระดับโลกด้านโซลูชั่นการขนส่ง ร่วมกับพันธมิตร และลูกค้าผลักดันการเปลี่ยนไปสู่ระบบการขนส่งที่ยั่งยืน Scania ก่อตั้งขึ้นในปีพ. ศ. 2434 มีสำนักงานในกว่า 100 ประเทศ และมีพนักงาน 51,000 คน ทั่วโลก มีศูนย์วิจัย และพัฒนาในสวีเดน โดยมีสาขาในบราซิล และอินเดีย การผลิตจะเกิดขึ้นในยุโรปละตินอเมริกา และเอเชีย พร้อมศูนย์การผลิตระดับภูมิภาคในแอฟริกาเอเชีย และยูเรเซีย Scania เป็นส่วนหนึ่งของ TRATON SE สำหรับการเยี่ยมชมข้อมูลเพิ่มเติม: www.scania.com 


เกี่ยวกับ Scania ในประเทศไทย

ในประเทศไทย  Scania  เริ่มต้นด้วยการนำเข้ารถบรรทุกเพื่อจัดหน่าย โดยบริษัท โฟฟร้อนท์ (ประเทศไทย) จำกัด ในปี พ.ศ. 2529 และในปี 2543 บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด ก่อตั้งขึ้นเป็นบริษัท ในเครือของ Scania ประเทศสวีเดน ในปี 2552 ได้ลงทุนในสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ในจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ 16 ไร่ ดำเนินงานเป็นสำนักงานขายและศูนย์บริการหลังการขายที่ครบวงจร ขณะนี้เรามี 11 สาขาในประเทศไทย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมดูได้ที่: www.scania.co.th

Read More
สวิงนครปฐมโอเพ่น นักกอล์ฟสมัครเล่นลุย เพิ่มรางวัลโฮลอินวัน 2 แสน ดีเดย์ 27 พค.นี้ที่สนามยูนิแลนด์

สวิงนครปฐมโอเพ่น นักกอล์ฟสมัครเล่นลุย เพิ่มรางวัลโฮลอินวัน 2 แสน ดีเดย์ 27 พค.นี้ที่สนามยูนิแลนด์

ศึกนครปฐมโอเพ่น สำหรับนักกอล์ฟสมัครเล่น เพิ่มรางวัลโฮลอินวัน 2 แสน ดีเดย์ 27 พค.นี้ที่สนามยูนิแลนด์
     กรุงเทพฯ 25 พ.ค. 2566 การแข่งขันกอล์ฟสมัครเล่น ไทยแลนด์ อเมเจอร์ กอล์ฟ ทัวร์ สนามที่ 3 รายการ “นครปฐม โอเพ่น” จัดขึ้นที่สนามยูนิแลนด์ กอล์ฟ แอนด์ คันทรี่คลับ จ.นครปฐม วันเสาร์ที่ 27 พฤษภาคม 2566 นี้ สำหรับนักกอล์ฟสมัครเล่นรายการสำคัญของไทยที่นอกจากจะชิงเงินรางวัลรวม 2 แสนบาทแล้ว ยังมีรางวัลโฮลอินวันอีก 2 แสนบาท
    การจัดแข่งขันรายการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างรายการแข่งขันกอล์ฟสมัครเล่นนานาชาติให้กับนักกอล์ฟทุกระดับชั้น ตามาตรฐานสากล, เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับท้องถิ่น เพื่อให้ผู้สนับสนุนประชาสัมพันธ์องค์กร การตลาด ส่งเสริมการขาย และกิจกรรมเพื่อสังคม และเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนได้ใช้กีฬากอล์ฟเพื่อการออกกำลังกาย และสันทนาการ
     ระบบการแข่งขันใช้แบบสโตรคเพลย์ 18 หลุม พาร์ 72 โดยสนามที่ 3 ใช้สนามยูนิแลนด์ กอล์ฟ แอนด์ คันทรี่คลับ จ.นครปฐม เป็นสังเวียนปะทะวงสวิง มีนักกอล์ฟสมัครเล่นทั่วฟ้าเมืองไทยทั้งชาย และหญิงระดับแถวหน้า ทั้งสวิงเจ้าถิ่น และข้ามถิ่นมาประชันฝีมือรวม 120 คน เพื่อชิงเงินรางวัลรวม 200,000 บาท  ในวันเสาร์ที่ 27 พฤษภาคม 2566 นี้ กลุ่มแรกเริ่มแข่งขันเวลา 10:00 น.
     และพิเศษสุดกับรางวัลโฮลอินวันที่หลุม 18 พาร์ 3 (ชาย ระยะ 175 หลา หญิง ระยะ 165 หลา) ที่เดิมเป็นพาร์ 4 ถูกปรับมาเป็นพาร์ 3 เพื่อเพิ่มโอกาสชิงรางวัลเงินสด 200,000 บาท สำหรับนักกอล์ฟคนแรกที่ทำโฮลอินวันได้ รับรางวัลทันที
     ไทยแลนด์ อเมเจอร์ กอล์ฟ ทัวร์ เป็นรายการแข่งขันสำหรับนักกอล์ฟสมัครเล่น ที่เป็นประชากรกอล์ฟจำนวนมากของประเทศ ได้มีโอกาสสัมผัสประสบการณ์การแข่งขันมาตรฐานแบบนักกอล์ฟอาชีพ ทั้งการจัดเตรียมสนาม ผู้ตัดสิน การรายงานคะแนนแบบ Live Score การถ่ายทอดสด ชิงเงินรางวัล ทำให้การแข่งขันมีความท้าทาย และเกิดมิตรภาพระหว่างผู้เข้าแข่งขัน เกิดโอกาสต่อยอดธุรกิจ โดยได้รับการสนับสนุนทั้งภาครัฐและเอกชน โดยมีการประชาสัมพันธ์, ทำการตลาด การส่งเสริมการขาย ทั้งในสนาม การประชาสัมพันธ์อย่างครบวงจร
     สามารถรับชมและเชียร์นักกอล์ฟได้ในการถ่ายทอดสดผ่านช่องทาง Facebook Live: Golfreality, golfdigg และ AIS Play
     สนับสนุนการแข่งขันโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานราชบุรี,บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน), ธนาคารออมสิน 
สมาคมกีฬากอล์ฟอาชีพอาวุโสไทย, โตโยต้าท่าจีน, QED, About Grass,130 Golf Simulator, บริษัท ดับบลิวทีอี คอร์ปอเรชั่น จำกัด , สนามยูนิแลนด์ กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ, กอล์ฟดิกก์, บริษัท ซีวายเอ็น คอมมิวนิเคชั่น จำกัด และ AIS PLAY
Read More
ม.เอเชียอาคเนย์ คว้าชัย Space Projection Mapping ที่งาน Hackathon ศิลปกรรมดิจิทัลครั้งแรกของไทย

ม.เอเชียอาคเนย์ คว้าชัย Space Projection Mapping ที่งาน Hackathon ศิลปกรรมดิจิทัลครั้งแรกของไทย

ม.เอเชียอาคเนย์ คว้าชนะเลิศ Space Projection Mapping งาน Hackathon ศิลปกรรมดิจิทัลครั้งแรกของไทย

ทีมมหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ คว้าชนะเลิศ “Space Projection Mapping Hackathon 2023” ซึ่งจัดงานศิลปกรรมดิจิทัลขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย เป็นรางวัลสำหรับผลงานดิจิทัลอาร์ตที่มีความคิดสร้างสรรค์ล้ำสมัย จุดประกายไอเดียสุดล้ำ คว้าชนะเลิศอันดับ 1 เงินรางวัล 200,000 บาทในคอนเซ็ปต์ “MITI” กับผลงานที่ชื่อว่า “Joy From Space Light”

นายสินชัย กิตติมงคลสุข อาจารย์ประจำสาขาดิจิทัลมีเดีย ม.เอเชียอาคเนย์ ร่วมกับ นายสินล กิตติมงคลสุข นักศึกษาของมหาวิทยาลัย  ในนามทีม “Sinol” สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศงานศิลปกรรมดิจิทัลสื่อภาพเคลื่อนไหว “Space Projection Mapping Hackathon 2023” ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย เป็นรางวัลด้านความคิดสร้างสรรค์ล้ำสมัยและจุดประกายไอเดียสุดล้ำ คว้าชนะเลิศอันดับ 1 เงินรางวัล 200,000 บาทในคอนเซ็ปต์ “MITI” กับผลงานที่ชื่อว่า Joy From Space Light ที่นำเสนอความสนุกหลากหลายรูปแบบ ท่ามกลางบรรยากาศแสงสีแห่งอวกาศ สไตล์ไซไฟ และเกม arcade ที่แสนสนุกสร้างสรรค์เหนือจินตนาการ

     ดร.ฉัททวุฒิ พีชผล อธิการบดี มหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ กล่าวว่า ในปัจจุบันเทคโนโลยี 3D Projection Mapping เป็นเทรนด์ใหม่ที่มาแรงในยุคนี้ เป็นงานศิลปกรรมที่รวมกัน ของ Interdisciplinary ทาง Art ทั้งงานวาดเขียน แอนิเมชัน งานกราฟิก สถาปัตยกรรม การทำดนตรี  สื่ออินเตอร์แอคทีฟ และการใช้เทคโนโลยีโปรเจคเตอร์ที่ล้ำสมัย เพื่อถ่ายทอดสื่อสารกับคนดู การทำงานศิลปะด้านนี้จึงเป็นที่สนใจอย่างมาก ในแวดวงงาน อีเวนต์ คอนเสิร์ต หรืองานโชว์ต่างๆ  คนที่ทำงานด้านนี้ได้ก็จะเป็นที่ต้องการอย่างมากในปัจจุบันและอนาคต

     นายสินล กิตติมงคลสุข นักศึกษาผู้รับรางวัลกล่าวว่า การประกวดครั้งนี้ได้เปิดไอเดียความคิดสร้างสรรค์ ผ่านงานดิจิทัลสื่อภาพเคลื่อนไหว Space Projection Mapping” เดิมมีความสนใจงานด้านไซไฟ อวกาศ อยู่แล้ว จึงได้เข้ามาร่วมประกวดและดีใจมากที่ได้รับรางวัลชนะเลิศในที่สุด สำหรับผลงานการประกวดนั้น มีแรงบันดาลใจจากงานเพลงเก่ายุค 70-80 เพื่อต้องการให้เข้าถึงคนทุกเจเนอเรชั่น จึงได้วางแผนออกแบบ การใช้เทคนิคต่าง ๆ ในการสื่อสารผลงานออกมาสู่คนดู รวมถึงเทคนิคการใช้เสียง ซึ่งได้รับการอบรมจากเวิร์กชอป Hackathon โดยคณะกรรมการอย่างเข้มข้น ต้องขอขอบคุณผู้จัดโครงการประกวด คณะกรรมการและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน ที่ทำให้ได้รับประสบการณ์ ความรู้ เพิ่มขึ้นอีกเยอะมาก จากการประกวดในครั้งนี้

     สำหรับการประกวด Space Projection Mapping Hackathon 2023 เป็นโครงการประกวดผลงานศิลปกรรมดิจิทัล สื่อภาพเคลื่อนไหว จัดโดย โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สเปซ พัทยา ซึ่งเป็นโรงแรมแห่งแรกในเอเชียที่นำเทคโนโลยี Projection Mapping ที่ใช้จัดแสดงผลงานศิลปะมาใช้กับสถาปัตยกรรมด้านหน้าโรงแรม เพื่อเป็นเวทีให้ผู้ที่สนใจ ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษา ประชาชนทั่วไป หรือผู้ที่ดำเนินธุรกิจด้านศิลปกรรมดิจิทัล เทคโนโลยีดิจิทัล ได้มีพื้นที่แสดงออก ระเบิดความคิดสร้างสรรค์โชว์ไอเดียล้ำๆ ไม่ซ้ำใคร ผลงานของผู้ชนะเลิศ จะได้จัดแสดงที่บริเวณหน้าอาคาร แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สเปซ พัทยา จนถึงวันที่ 20 ธันวาคม 2566 เปิดให้ชมฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
Read More

ช่อง copthai tv สถานีทีวีตำรวจ

Sponsor

AD BANNER